loading...
กลายเป็นกระแสที่น่าตกใจกับคนชอบรับประทานปลาหลายๆคน เมื่อความจริงปรากฎว่า ปลาดอร์ลี่ เนื้อขาวน่ารับประทานที่มีชื่อหรูหราจนหลายคนชื่นชอบนั้น แท้จริงแล้วคือปลาสวายขาว ไม่ใช่ปลาดอร์ลี่อย่างที่ถูกตั้งชื่อ และทุกคนเข้าใจตามนั้น
จากการเปิดโปงโดย สรรค์สนธิ บุณโยทยาน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การเกษตร และข้าราชการบำนาญ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เขียนบทความถึงความเป็นมาจากปลาสวายเนื้อขาว สู่ปลาดอร์ลี่ในปัจจุบัน
ใจความโดยสรุปนั้น เขาเผยว่า ผู้ขายระบุชื่อว่าเป็น "ปลาดอร์ลี่แล่" กำกับภาษาอังกฤษว่า Pangasius Fillet (Pangasius Hypopthalmus) เป็นการให้ข้อมูลแบบไม่ครบถ้วนอาจสร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นปลาทะเล หรือปลาชนิดใหม่ เปรียบเทียบกับสินค้าชนิดเดียวกันที่อเมริกามีการระบุรายละเอียดชัดเจนว่าเป็นปลาเลี้ยงจากฟาร์มในประเทศเวียดนาม ใช้ชื่อการค้าว่า Swai
“จริงๆแล้วคนขายเขาก็ไม่ได้หลอกเพราะเขียนภาษาอังกฤษ พร้อมกำกับด้วยศัพท์วิทยาศาสตร์ไว้เห็นชัดๆว่าPangasius hypophthalmusแต่ผู้บริโภคทั่วไปไม่ทราบว่านี่คือ ปลาสวายธรรมดา”
ทั้งนี้ ความเป็นมาของการแปลงปลาสวายให้กลายเป็นปลาเลิศหรูในชื่อ ปลาดอร์ลี่นั้น มาจากที่ว่าโดยปกติแล้ว เนื้อของปลาดอร์ลี่นั้นจะมีสีเหลืองไม่น่ากิน แต่ปลาดอร์ลี่จากประเทศเวียดนามกลับมีสีขาวอมชมพูน่ารับประทาน ซึ่งเคยมีการเข้าใจผิดในหมู่เกษตกรเพาะเลี้ยงด้วยว่า ปลาดังกล่างนั้นคือปลาเผาะ
เขาเผยว่า เมื่อก่อนนั้น รองนายกรัฐมนตรี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เคยมีไอเดียการเลี้ยงปลาสวายเนื้อขาว (โดยคิดว่านั่นคือปลาเผาะ) เลยเอามาส่งเสริมที่จังหวัดนครพนมภายใต้แผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดผู้ว่าฯ ซีอีโอ เมื่อปี 2547 - 49 เพื่อการส่งออกไปประเทศสเปน ทั้งนี้ตัวเขาเองในฐานะที่เป็นเกษตกรก็ยอมรับว่า เข้าใจผิดว่าปลาสวายเนื้อขาวที่ชาวเวียดนามเลี้ยงคือ "ปลาเผาะ"(Pangasius bocourti) ที่เป็นปลาธรรมชาติอยู่ในแม่น้ำโขง ปลาชนิดนี้ชาวนครพนมรู้จักดีมีเนื้อสีขาวอมชมพู เพราะจับมากินเป็นอาหารชั้นเลิศ เช่น ผัดฉ่า ต้มยำ ขายราคาแพงๆในร้านอาหารดังๆ
loading...
แต่โครงการดังกล่าวก็ขาดทุนด้วยเหตุผลด้านรายละเอียดของวิธีการเลี้ยง และความจริงก็เปิดเผยให้รู้โดยทั่วกันว่า ปลาเนื้อขาวนั้นแท้จริงแล้วคือปลาสวาย ทว่าความเข้าใจนั้นก็ยังคงถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยพ่อค้าหัวใสที่ตั้งชื่อเนื้อปลานั้นว่า ปลาดอร์ลี่
“คนไทยโดยทั่วไปรังเกียจปลาสวายเพราะเนื้อเหลืองไม่น่ากิน แต่พอไปเจอปลาดอร์ลี่เนื้อออกสีขาวอมชมพูดูสวยงามน่ากิน ก็ยอมจ่ายเงินราคาแพงๆ เพราะคิดว่านี่แหละของดี แต่ที่ไหนได้เข้าใจผิดยิ่งกว่าผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม เมื่อปี 2504”
เขาเผยถึงประสบการณ์การไปดูงานที่เมือง Can Tho ประเทศเวียดนาม ในคราวประชุม 17th Annual Meeting of MRC Fisheries Program 25-26 November 2010 ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านประมงจากหลายประเทศไปประชุมกัน โดยฝ่ายไทยมีผู้เชี่ยวชาญจากกรมประมง และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งนี้ทุกคนต่างยืนยันว่าที่เขาเลี้ยงในบ่อดินริมแม่น้ำ และเข้าโรงงานแร่เป็นชิ้นเนื้อสีขาวอมชมพู คือ "ปลาสวายธรรมดา" โดยชื่อวิทยาศาสตร์ Pangasius Hypopthalmus แต่ชาวเวียดนามมีวิธีทำให้ปลาสวายมีเนื้อสีขาวด้วยเทคนิค 2 ข้อ คือ
1.เลือกอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดสีเหลืองเข้าไปแทรกในไขมัน เช่น อย่าให้มีอาหารที่เป็นข้าวโพด และเนื่องจากเมืองนี้อยู่ใกล้ปากแม่น้ำ (ใกล้ทะเล) จึงสามารถหาซื้ออาหารโปรตีนจำพวกปลาป่นราคาถูกๆ
2.มีการถ่ายเทน้ำให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา พวกเขาโชคดีที่เมืองนี้อยู่ใกล้ทะเลทำให้มีน้ำขึ้นและน้ำลง จึงสามารถถ่ายน้ำเข้าและออกจากบ่อดินได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำให้สิ้นเปลืองพลังงาน
“ด้วยเหตุผลที่ว่าทำให้ปลาสวายธรรมดามีเนื้อสีขาวอมชมพู ในต้นทุนที่ต่ำ สามารถส่งออกตีตลาดได้ทั่วโลก เฉพาะตลาดอเมริกาแห่งเดียวพี่แกก็รับทรัพย์ไปแบบเต็มๆ”
นอกจากนี้ เขายังเผยถึงความเห็นของ ดร.นฤพล สุขุมาสวิน จากสำนักผู้เชี่ยวชาญกรมประมง เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 ในการประชุมเกี่ยวกับตัวชี้วัดเพื่อประเมินโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ที่จังหวัดอุดรธานี เผยว่ากรมประมงได้ขอความร่วมมือกับ อย. เพื่อสั่งให้เอกชนที่นำเข้าปลาสวายเนื้อขาวจากเวียดนาม ภายใต้ชื่อการค้าว่า "ปลาดอร์ลี่" ให้ระบุในฉลากว่านี่คือ "ปลาสวายธรรมดา" แต่เอกชนหัวการค้าใส่เพียงชื่อวิทยาศาสตร์ในฉลากว่า Pangasius hypopthalmus
“แล้วพี่ไทยตาดำทั่วไปจะรู้หรือว่าเจ้าชื่อวิทยาศาสตร์นี่คือปลาสวายธรรมดาๆ ผิดกับกฎหมายอเมริกันที่เขาให้ระบุในฉลากว่า "ปลาเลี้ยงในฟาร์ม นำเข้าจากเวียดนาม" (Farm Raised......Product of Vietnam)”
loading...
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น